ข้อมูลทั่วไป
คลินิกนอนกรน ให้บริการ วินิจฉัย และรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นภาวะความผิดปกติอย่างหนึ่งของการหายใจที่เกิดขึ้นในระหว่างนอนหลับ ซึ่งมีอันตรายและอาจทำให้เกิดความผิดปกติอื่นตามมาจนถึงเสียชีวิตได้
พบอุบัติการณ์การเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ประมาณ 25% ในผู้ชาย และ 10 % ในผู้หญิง โดยสามารถพบผู้ป่วยได้ในทุกกลุ่มอายุ และอุบัติการณ์จะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ พบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ หรือมีลักษณะทางกายวิภาคที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจง่ายกว่าปกติ เช่น กล้ามเนื้อของเพดานอ่อนหย่อน ต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่ หรือขากรรไกรมีขนาดเล็กกว่าปกติ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในขณะหลับของตนเอง บ่อยครั้งที่ผู้พบความผิดปกติเป็นคู่สมรสหรือคนใกล้ชิด อาการของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่สำคัญได้แก่
• นอนกรน
• เหงื่อออกตอนกลางคืน
• นอนหลับไม่สนิท นอนกระสับกระส่ายมาก
• สะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะสำลักเหมือนขาดอากาศหายใจ
• รู้สึกคอแห้งหรือเจ็บคอเมื่อตื่นนอน
• ปวดศีรษะหลังตื่นนอนตอนเช้า
• บุคลิกภาพหรือสมาธิเปลี่ยนไป หลงลืมบ่อย หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ
• ง่วงนอนหรือรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียมากในเวลากลางวัน
• เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน เกิดปัญหาการเรียนตกต่ำ ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ และมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเมื่อเทียบกับคนปกติ นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคอ้วนอีกด้วย
แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้จากประวัติการนอนและการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติระหว่างการนอนหลับ (Polysomnogram, PSG) ซึ่งเป็นการตรวจโดยให้ผู้ป่วยนอนในห้องนอนที่เป็นส่วนตัวเป็นเวลาหนึ่งคืน โดยจะมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ คลื่นไฟฟ้าสมอง การเคลื่อนไหวของลูกตา การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ ลักษณะการหายใจ รวมถึงปริมาณออกซิเจนในเลือด โดยการติดขั้วโลหะ (Electrode) ที่บริเวณศีรษะและใบหน้า และเซ็นเซอร์ที่จมูก ขา หน้าอก และหน้าท้อง เพื่อใช้ในการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ
การเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจการนอนหลับของคุณ
• หลีกเลี่ยงการงีบหลับช่วงกลางวันของวันที่นัดหมายเพื่อมาตรวจการนอนหลับ
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน (กาแฟ ชา และโคล่า)
• สระผมให้สะอาด งดใช้ครีมนวดผม และน้ำมันแต่งผมใดๆ ในวันที่มาทำการตรวจ
• นำยาที่คุณจำเป็นต้องรับประทานมาตามปกติ ยกเว้นยาที่แพทย์งด
• สามารถนำชุดนอนหรือเครื่องนอนประจำตัวมาได้
พบอุบัติการณ์การเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ประมาณ 25% ในผู้ชาย และ 10 % ในผู้หญิง โดยสามารถพบผู้ป่วยได้ในทุกกลุ่มอายุ และอุบัติการณ์จะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ พบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ หรือมีลักษณะทางกายวิภาคที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจง่ายกว่าปกติ เช่น กล้ามเนื้อของเพดานอ่อนหย่อน ต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่ หรือขากรรไกรมีขนาดเล็กกว่าปกติ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติในขณะหลับของตนเอง บ่อยครั้งที่ผู้พบความผิดปกติเป็นคู่สมรสหรือคนใกล้ชิด อาการของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่สำคัญได้แก่
• นอนกรน
• เหงื่อออกตอนกลางคืน
• นอนหลับไม่สนิท นอนกระสับกระส่ายมาก
• สะดุ้งตื่นกลางดึก เพราะสำลักเหมือนขาดอากาศหายใจ
• รู้สึกคอแห้งหรือเจ็บคอเมื่อตื่นนอน
• ปวดศีรษะหลังตื่นนอนตอนเช้า
• บุคลิกภาพหรือสมาธิเปลี่ยนไป หลงลืมบ่อย หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ
• ง่วงนอนหรือรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลียมากในเวลากลางวัน
• เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน เกิดปัญหาการเรียนตกต่ำ ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ และมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเมื่อเทียบกับคนปกติ นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคอ้วนอีกด้วย
แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับได้จากประวัติการนอนและการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติระหว่างการนอนหลับ (Polysomnogram, PSG) ซึ่งเป็นการตรวจโดยให้ผู้ป่วยนอนในห้องนอนที่เป็นส่วนตัวเป็นเวลาหนึ่งคืน โดยจะมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ คลื่นไฟฟ้าสมอง การเคลื่อนไหวของลูกตา การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ ลักษณะการหายใจ รวมถึงปริมาณออกซิเจนในเลือด โดยการติดขั้วโลหะ (Electrode) ที่บริเวณศีรษะและใบหน้า และเซ็นเซอร์ที่จมูก ขา หน้าอก และหน้าท้อง เพื่อใช้ในการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ
การเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจการนอนหลับของคุณ
• หลีกเลี่ยงการงีบหลับช่วงกลางวันของวันที่นัดหมายเพื่อมาตรวจการนอนหลับ
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน (กาแฟ ชา และโคล่า)
• สระผมให้สะอาด งดใช้ครีมนวดผม และน้ำมันแต่งผมใดๆ ในวันที่มาทำการตรวจ
• นำยาที่คุณจำเป็นต้องรับประทานมาตามปกติ ยกเว้นยาที่แพทย์งด
• สามารถนำชุดนอนหรือเครื่องนอนประจำตัวมาได้
บริการต่างๆ
การรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
แนวทางการรักษาจะต้องปรับให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งประกอบด้วย
1.การปรับพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่
• การลดน้ำหนักตัว จากการศึกษาวิจัย พบว่า การลดน้ำหนักลงแม้เพียงแค่ 10 % ก็สามารถลดจำนวนครั้งของการหยุดหายใจในขณะนอนหลับลงได้บ้าง
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยานอนหลับก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้นได้ง่ายระหว่างนอนหลับ และยังทำให้การหยุดหายใจนานขึ้น
• พยายามนอนในท่าตะแคงจะช่วยลดความรุนแรงได้บ้างในบางราย
• ผู้ป่วยที่มีปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากปัญหาไซนัสหรือมีอาการคัดจมูก การใช้สเปรย์พ่นจมูกหรือยาลดอาการคัดจมูก จะสามารถช่วยให้การหายใจในขณะหลับสะดวกมากขึ้น
• หลีกเลี่ยงการอดนอน
2.การใช้เครื่องช่วยสร้างแรงดันบวกในทางเดินหายใจ (Continuous positive airway pressure, CPAP)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคงสภาพทางเดินหายใจให้เปิดโล่ง โดยการสร้างแรงดันอากาศเข้าไปเปิดทางเดินหายใจของเราตลอดเวลา CPAP เป็นวิธีการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด โดยผู้ป่วยจะต้องใส่อุปกรณ์หน้ากาก ครอบจมูกหรือปาก แล้วเครื่องจะทำการปรับแรงดันให้สูงพอ ที่จะเป่าอากาศให้ไหลผ่านลงไป ป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงในขณะนอนหลับอย่างต่อเนื่อง
3.การใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม/ช่องปาก (Mandibular advancement devices, MAD)
สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับไม่รุนแรง การใช้ MAD จะช่วยดึงกรามล่างมาด้านหน้าเพื่อทำให้ช่องทางเดินหายใจด้านหลังกว้างขึ้นในขณะที่ผู้ป่วยนอนหลับได้
4. การรักษาด้วยการผ่าตัด ได้แก่
• Somnoplasty เป็นวิธีการรักษาโดยการใช้คลื่นความถี่ จี้ความร้อนเข้าไปใต้เนื้อเยื่ออ่อนบริเวณเพดานปาก หรือลิ้นไก่ เพื่อเพิ่มทางเดินหายใจ
• Uvulopalatopharyngoplasty (UPPP) คือ การผ่าตัดที่ตัดเนื้อเยื่อ ทอนซิล ลิ้นไก่และเพดานอ่อนออกไป เพื่อเปิดทางเดินหายใจส่วนบนให้กว้างมากขึ้น
• Mandibular/maxillary advancement surgery คือ การผ่าตัดกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะทำในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่มีความผิดปกติของกระดูกใบหน้ามาก
• Nasal surgery คือ การผ่าตัดในโพรงจมูก ซึ่งจะช่วยในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของอวัยวะดังกล่าว เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด (deviated nasal septum)
ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากการตรวจ แพทย์จะเป็นผู้เลือกการรักษาที่เหมาะสมให้กับแต่ละคน ขึ้นกับผลตรวจการนอนหลับและลักษณะของคนไข้
แนวทางการรักษาจะต้องปรับให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งประกอบด้วย
1.การปรับพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่
• การลดน้ำหนักตัว จากการศึกษาวิจัย พบว่า การลดน้ำหนักลงแม้เพียงแค่ 10 % ก็สามารถลดจำนวนครั้งของการหยุดหายใจในขณะนอนหลับลงได้บ้าง
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยานอนหลับก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้ทางเดินหายใจอุดกั้นได้ง่ายระหว่างนอนหลับ และยังทำให้การหยุดหายใจนานขึ้น
• พยายามนอนในท่าตะแคงจะช่วยลดความรุนแรงได้บ้างในบางราย
• ผู้ป่วยที่มีปัญหาการอุดกั้นทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากปัญหาไซนัสหรือมีอาการคัดจมูก การใช้สเปรย์พ่นจมูกหรือยาลดอาการคัดจมูก จะสามารถช่วยให้การหายใจในขณะหลับสะดวกมากขึ้น
• หลีกเลี่ยงการอดนอน
2.การใช้เครื่องช่วยสร้างแรงดันบวกในทางเดินหายใจ (Continuous positive airway pressure, CPAP)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคงสภาพทางเดินหายใจให้เปิดโล่ง โดยการสร้างแรงดันอากาศเข้าไปเปิดทางเดินหายใจของเราตลอดเวลา CPAP เป็นวิธีการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด โดยผู้ป่วยจะต้องใส่อุปกรณ์หน้ากาก ครอบจมูกหรือปาก แล้วเครื่องจะทำการปรับแรงดันให้สูงพอ ที่จะเป่าอากาศให้ไหลผ่านลงไป ป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงในขณะนอนหลับอย่างต่อเนื่อง
3.การใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม/ช่องปาก (Mandibular advancement devices, MAD)
สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับไม่รุนแรง การใช้ MAD จะช่วยดึงกรามล่างมาด้านหน้าเพื่อทำให้ช่องทางเดินหายใจด้านหลังกว้างขึ้นในขณะที่ผู้ป่วยนอนหลับได้
4. การรักษาด้วยการผ่าตัด ได้แก่
• Somnoplasty เป็นวิธีการรักษาโดยการใช้คลื่นความถี่ จี้ความร้อนเข้าไปใต้เนื้อเยื่ออ่อนบริเวณเพดานปาก หรือลิ้นไก่ เพื่อเพิ่มทางเดินหายใจ
• Uvulopalatopharyngoplasty (UPPP) คือ การผ่าตัดที่ตัดเนื้อเยื่อ ทอนซิล ลิ้นไก่และเพดานอ่อนออกไป เพื่อเปิดทางเดินหายใจส่วนบนให้กว้างมากขึ้น
• Mandibular/maxillary advancement surgery คือ การผ่าตัดกระดูกขากรรไกร ซึ่งจะทำในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับที่มีความผิดปกติของกระดูกใบหน้ามาก
• Nasal surgery คือ การผ่าตัดในโพรงจมูก ซึ่งจะช่วยในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของอวัยวะดังกล่าว เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด (deviated nasal septum)
ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากการตรวจ แพทย์จะเป็นผู้เลือกการรักษาที่เหมาะสมให้กับแต่ละคน ขึ้นกับผลตรวจการนอนหลับและลักษณะของคนไข้
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ภาพ และ วีดีโอวิชาการ
บทความที่มีประโยชน์
คลินิกนอนกรน เปิดให้บริการ
จันทร์ - ศุกร์ 08.00 - 19.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 - 17.00 น.